หลายคนที่ได้ยิน คำว่า “ พระเจ้าทรงตีสอน ” จากปากพี่น้องที่คริสเตียนด้วยกัน โดยเฉพาะผู้ชื่อใหม่ มีความจริงหลายประการเกี่ยวกับการตีสอนของพระเจ้า
และความยากลำบาก และปัญหาที่พระองค์ทรงอนุญาตให้เราเผชิญ
ฮบ.12:5-6 (ฉบับ 1971) "5และท่านได้ ลืมคำเตือน ที่พระองค์ได้ทรงเตือนในฐานะที่เป็นบุตรว่า
บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และอย่าท้อถอยในเมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น 6เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตรพระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น"
เรื่องการตีสอนของพระเจ้าเป็นดังนี้
1)
การตีสอนเป็นหมายสำคัญว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า
ฮบ.12:7-9 "7ท่าน ทั้งหลายจงรับ
และทนเอาเถอะ เพราะเป็นการตีสอน
พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตรของพระองค์
ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บิดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง 8แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอน
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ 9อีก ประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา
และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก
เราควรจะอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำเริญมิใช่หรือ"
2)
การตีสอนเป็นการยืนยันถึงความรักและความสนพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อเรา
ฮบ.12:6 "เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น"
3)
การตีสอนของพระเจ้านั้นมี 2 จุดประสงค์ด้วยกัน
(ก) เพื่อไม่ให้เราถูกลงโทษด้วยกันกับโลก
1คร.11:31-32 "31แต่ถ้าเราพิจารณาตัวเราเอง
เราคงไม่ต้องถูกทำโทษ 32เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น
พระองค์ทรงตีสอนเรา เพื่อมิให้เราถูกทรงพิพากษาลงโทษด้วยกันกับโลก"
(ข) เพื่อเราจะได้เข้าส่วนในความบริสุทธิ์ของพระเจ้าและรับการชำระให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
ฮบ.12:10-11 "10เพราะ
บิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นดีเห็นชอบของเขาเท่านั้น
แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา
เพื่อให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ 11เมื่อมีการตี
สอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อมาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น
คือความชอบธรรมนั้นเอง"
ฮบ.12:14
"จงอุตส่าห์ที่จะอยู่อย่างสงบกับคนทั้งหลาย
และอุตส่าห์ที่จะได้ใจบริสุทธิ์ ซึ่งถ้าใจไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่มีผู้ใดได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย"
4)
การตีสอนของพระเจ้ามีขั้นตอนที่เป็นไปได้ 3 ขั้น
จาก ฮบ.12:15-16 เราพบคำกรีก 3 คำที่แตกต่างกันที่ใช้ในการกล่าวถึงการตีสอนของพระเจ้า
ซึ่งพระคัมภีร์ฉบับแปลที่ช่วยเราได้ในเรื่องนี้คือ ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
ฮบ.12:5-6 (ฉบับ อมตธรรมร่วมสมัย)
"5บุตรของเราเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าท้อใจเมื่อทรงตำหนิท่าน 6เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
และทรงลงโทษทุกคนที่ทรงรับเป็นบุตร"
ระดับที่ 1 ตำหนิ (ฮบ.12:5 อย่าท้อใจเมื่อทรงตำหนิท่าน )
การตำหนิเป็นการเตือนด้วยคำพูด
อาจจะสังเกตง่ายๆ ว่าเป็นเหมือนการสำนึกผิดที่แล่นเข้ามาในหัวของเรา
หรือเหมือนใครมาเรียกชื่อเรา เราจะได้ยินการตำหนิของพระเจ้า
แม้ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะเลือกตอบสนองการตำหนินี้ เช่น ได้ยินผ่านจิตสำนึก
หรือคำพูดของคนอื่นในเวลาที่พอเหมาะ หรือผ่านพระคำของพระองค์หรือคำเทศนา
หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ในใจเรา
การเตือนด้วยวาจา เป็นการตีสอนที่คริสเตียนพบบ่อยที่สุด เราควรเปิดหูรับฟังเสมอ เพราะหากเราใจแข็งไม่ยอมฟัง ก็เท่ากับเราบังคับให้พระบิดาต้องตีสอนเราในระดับต่อไป
ระดับที่ 2 ตีสอน (ฮบ.12:6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก )
การตีสอนจะก่อให้เกิดความกังวลใจ
อึดอัดใจ หรือทุกข์ใจ
สิ่งที่เคยทำแล้วนำความยินดีมาสู่จิตใจก็จะไม่เกิดความยินดีเหมือนเดิม
ความกดดันมีเพิ่มขึ้นในที่ทำงาน ที่บ้าน หรือต่อสุขภาพร่างกาย หรือการเงิน คริสเตียนจำนวนมากเป็นอย่างนี้
ดำเนินชีวิตในระดับของการตีสอนนี้ และบางครั้งก็ขาดความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาไปร่วมกลุ่มเซลล์ กลุ่มมิตรภาพ หรือกลุ่มแคร์ หรือคริสตจักร แต่ไม่เคยอิ่ม
กลายเป็นคนที่คอยจ้องจับผิดพี่น้อง เสียความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า พอยกพระคัมภีร์มายังไม่ทันอ่านก็เป็นเหมือนอะไรที่หนักอึ้งแทนที่จะทำให้เบาใจ
หากฟังอาการนี้แล้วคุ้นๆ พี่น้องยังไม่ต้องทำอย่างอื่น
แต่ให้หาบาปที่กำลังทำอย่างต่อเนื่องในชีวิตของเราที่ทำให้ถูกตัดขาดจากสิ่ง
ที่ดีที่สุดของพระเจ้าแล้วกลับใจใหม่ หากเราไม่ตอบสนอง เราก็กำลังผลักดันให้พระบิดาต้องใช้มาตรการระดับที่
3
ระดับที่ 3 ทำโทษหรือลงโทษ (ฮบ.12:6 และทรงลงโทษทุกคนที่ทรงรับเป็นบุตร )
คำว่า
“ลงโทษ” ที่ใช้ในตอนนี้ หมายถึงการเฆี่ยนหรือโบย เป็นการลงโทษแบบลงไม้ลงมือเพื่อทำให้เจ็บ
เป็นคำเดียวกับที่ใช้ในหนังสือพระกิตติคุณที่ทหารโรมันทำกับพระเยซูก่อนตรึง
พระองค์บนกางเขน (เป็นคนละคำกับคำว่า "ลงโทษ" ใน รม.8:1 ซึ่งหมายถึงการพิพากษาลงโทษคนไม่เชื่อ)
พี่น้องคิดว่ามีคริสเตียนกี่เปอร์เซ็นต์ที่เจอการลงโทษระดับนี้
พระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคน” หากเราถูกทำโทษหรือลงโทษระดับนี้ แสดงว่าเรากำลังดำเนินชีวิตในความบาปที่เปิดกว้างอย่างดื้อดึงไม่ใส่ใจ
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าอะไรถูกต้อง ไม่ฟังคำตักเตือนใดๆ ของพระเจ้าก่อนหน้านี้
พระเจ้าทรงจริงจังกับความบาประยะยาวและพระองค์จะจัดการ
ผลที่ตามมานั้นรุนแรงเกินกว่าที่คริสเตียนส่วนใหญ่จะเข้าใจ ในเมืองโครินธ์สมาชิกทำบาปและไม่กลับใจและอย่างเปิดเผย
และเข้าร่วมพิธีมหาสนิทอย่างไม่รู้สึกรู้สา อ.เปาโลจึงกล่าวว่าใน 1คร.11:30 ว่า “นี่คือสาเหตุที่พวกท่านหลายคนอ่อนแอและเจ็บป่วย และบ้างก็ล่วงหลับไป” พระคัมภีร์จึงเตือนเราอย่างหนักแน่นว่า
"อย่าเพิกเฉยต่อการตีสอนของพระเจ้า"
ขอบคุณข้อมูล : คริสเตียน มช. (Christian CMU)
0 ความคิดเห็น